ในสนามของการแข่งขัน ตอนที่ 1 เกมทั่วไปที่กัปตันทีมมือใหม่ต้องรู้
สวัสดีค่ะ เขียนกันมามากแล้วกับเทคนิคการซ้อมในแบบต่างๆ เรื่องพื้นฐานความแข็งแรง การเคลื่อนไหวและกล้ามเนื้อ วันนี้จะมาพูดถึงการแข่งจักรยานบ้าง แบบไม่ใช่บันทึกประสบการณ์งานแข่งแบบที่เคยเขียน ๆ มานะคะ เพราะเรื่องราวต่อจากนี้ไปจะเป็น เทคนิคการแข่งเสือหมอบ (Tactical Road Race)
ลงสนามครั้งแรก
ในการแข่งครั้งแรกของนักปั่นมือใหม่ ตื่นเต้นตกใจเสมอกับเกมการแข่งขันจักรยานทางเรียบ (road race) เรามักจะเห็นขาแรงเรียงกันแถวหน้า มีคนพยายามจะแซงขึ้นไปไกลๆ แล้วมีคนตามไปบ้าง กลายเป็นกลุ่มใหม่ หรือคนนั้นอาจจะโดนทิ้งไว้ข้างหน้าบ้าง บางครั้งกลุ่มเร่งความเร็วมากในตอนต้น พอถึงช่วงกลางทางกลับปั่นกันช้าลง แล้วยังมีเกี่ยงกันขึ้นไปข้างหน้าอีก อยู่ดีๆ ก็เร่งความเร็วขึ้น มือใหม่อย่างเราๆ ที่หมกๆ ตามดูดๆ อยู่ข้างหลังบางครั้งแทบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านหน้าบ้าง และสุดท้าย 80% ของคนที่ได้ยืนบนโพเดี้ยม กลับไม่ใช่คนที่ขี่นำกลุ่มในช่วงสิบกิเมตรแรกๆ ด้วยซ้ำ!!! สิ่งนี้คืออะไร ทำไมในเกมการแข่งขันเราถึงไม่สามารถปั่นได้เรื่อยๆ คุมหัวใจ คุมรอบขา ก้มหน้าดูดคนอื่นไป นิ่งๆ ยาวๆ หรืออัดหมดหลอดแล้วค่อยจอดเติมพลังเหมือนเวลาออกทริปออแด๊กซ์ ยิ่งเวลาดูการแข่งขันของโปรทัวร์ทางโทรทัศน์ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น แต่ละทีมวางแผนกันอย่างไร อะไรคือหัวใจสำคัญของเกมจักรยานทางเรียบ แล้วเราจะใช้ประโยชน์จากเกมอย่างไรได้บ้าง
หมากรุกที่ต้องบุกให้เป็น
จักรยานทางเรียบก็เหมือนเกมหมากรุก ยิ่งการลงแข่งขันเป็นทีมที่เรามีเพื่อนร่วมทีมต่างประสบการณ์ต่างความสามารถ มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะช่วยกันวางหมากอย่างไร และทีมคู่แข่งจะวางเกมอย่างไร มันจึงเป็นทั้งศิลปะในการวางแผนและต้องอาศัยประสบการณ์การแข่งบ่อย ๆ เท่านั้นที่นักปั่นแต่ละคนจะเอาชนะความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นได้ในสนามได้
ในการแข่งขันของมือสมัครเล่น ช่วงกิโลเมตรแรกๆ มักจะเริ่มต้นจากเพซกลางๆ จากนั้นจะมีจักรยานคันหนึ่งพยายามดึงทุกคนให้เร่งความเร็วขึ้น (อาจจะเป็นใครก็ได้ เขาอาจจะแค่อยากออกมากระตุ้นกล้ามเนื้อตัวเองเฉยๆ ก็ได้) แล้วทั้งกลุ่มจะเริ่มตื่นเต้น ตื่นตัว ความเร็วเริ่มขยับ แต่จังหวะนี้ก็ยังไม่มีใครเอาจริงหรอก กระทั่งคนที่คิดจะเอาจริงก็จะไม่เปิดเผยตัวมากนัก พอความเร็วเริ่มตกลงอีกครั้ง จะมีนักปั่นคนอื่นแซงขึ้นมาดึงความเร็วกลุ่มขึ้นไปอีก ตอนนี้ทุกคนยังสด ๆ และตื่นเต้นจนไม่อยากจะปั่นแช่นิ่ง ๆ ไปนาน ๆ อีกแล้ว
ภายหลังการโจมตีครั้งที่ 5 – 6 ที่เกิดขึ้น การคัดตัวจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว จะยังมีคนที่ยังสดอยู่ที่ปั่นต่อไปแบบหน้าตาไม่เหนื่อยอะไรเลย และท้ายขบวนที่ถูกบังคับให้ออกแรงมากกว่าคนอื่นเมื่อผ่านโค้งแล้วโค้งเล่าหรือเนินแล้วเนินเล่าจะเริ่มยืดห่างออกไป จนมีถึงจังหวะเหมาะ ๆ ทีมที่เตรียมเพื่อนมาช่วยกันโจมตีทำเกมหนีก็จะเริ่มเปิดฉากหนีออกไปจริง ๆ และมักจะมีเฉพาะคนที่แข็งแกร่งที่สุดหลุดไปได้ไม่ถึง 5 – 6 คน พวกที่หนีออกไปได้จะต้องพยายามทำความเร็วหนีห่าง (max effort, full gas อะไรก็ว่าไปฝรั่งเรียก) ในขณะที่กลุ่มเปโลตองจะเริ่มตั้งความเร็วที่ระดับหนึ่งที่ทุกคนในเปโลตองจะพอช่วยวนกันไล่กลุ่มหน้าได้อย่างไม่มีอาการหืดขึ้นคอนัก ระหว่างนี้ สิ่งที่มักเกิดขึ้นในเปโลตองคือการสร้างพันธมิตรกัน แม้จะอยู่ในชุดทีมคนละทีมก็อาจมีการสร้างพันธมิตรกับคนที่มีความแรงพอๆ กัน
ดังนั้น การเลือกพันธมิตรก็เป็นสิ่งที่สำคัญ นักแข่งที่ฉลาดจะรู้จักสังเกตความแรง ลักษณะหายใจ สไตล์การปั่น ท่าทาง และความสดของผู้เข้าแข่งขัน และเขามักจะดูออกว่าจะชวนใครมาเป็นพันธมิตรกันดีให้ win-win ทั้งหมด หากขึ้นไปดูที่กลุ่มนำในตอนนี้ ก็จะเห็นว่าคนแรกที่ทำเกมเบรกอะเวย์ออกไปสำเร็จจะเริ่มเก็บตัวอยู่กลางฝูง นักปั่นจอมเบรกอะเวย์ที่ฉลาดจะไม่ทำงานเพิ่มให้คนอื่นอีก และเป็นงานของพวกที่กระโดดตามมาที่มักจะรู้สึกว่าต้องใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าในการตั้งความเร็วเพื่อหนีเปโลตองข้างหลังให้ห่างออกไปเรื่อย ๆ

หนึ่งในภาพประวัติศาสตร์จากจากตูร์เดอฟรอง 2016 ที่ผ่านมา เมื่อผู้ครองเสื้อเหลืองและเสื้อเขียว - คริส ฟรูม และปีเตอร์ ซากาน ร่วมมือกันบุกเข้าเส้นชัยในสเตจที่ 11 รูปภาพจาก http://www.telegraph.co.uk/cycling/2016/07/13/tour-de-france-2016-stage-11-chris-froome-pipped-on-the-line-aft/
นักปั่นหลายคนที่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่ได้หวังตำแหน่งอะไรอีกแล้ว (และในงานแข่งทั่วไปแบบบ้านเราก็ไม่ได้มีคะแนนสะสมให้เก็บด้วย) ก็จะหมก ๆ ตามกลุ่มเปโลตองไปแบบเริ่มชิล ๆ ยิ่งถ้าไม่คิดลากก็จะปั่นแบบหัวใจทำงานไม่ถึงโซน 2 ด้วยซ้ำ ในขณะเดียวกันก็จะมีนักปั่นบางคนที่เจ็บใจจากการพลาดโอกาสตามกลุ่มหนีออกไป เมื่ออยู่ระยะสายตาที่มองเห็นกลุ่มนำเขาอาจจะพยายามเข้ากลุ่มข้างหน้านั้น ด้วยการเล่นเกมหนีเปโลตองสั้น ๆ โดยเร่งความเร็วออกไปคนเดียวหวังเพียงจะไปให้ถึง... ขอบฟ้า... (หรือ เขาอาจจะแกล้งทำเพราะเป็นแผนของทีมก็ได้นะ?) แต่ก็มักจะไม่สำเร็จหรอกแล้วสักพักก็จะถูกรวบกลับเข้ามาในเปโลตองท่ามกลางความเวิ้งว้างของการโดนดองให้หมดแรงไปเองคนเดียว (โดนดองข้างหน้า หมายความว่า หนีออกไปคนเดียวแล้วไม่มีใครตามมาช่วยเบย.... )
ขาแรงอาจจะไม่ใช่ขาลุ้นโพเดี้ยม
อนิจจาใน 20 กิโลเมตรสุดท้าย (หรือเหลือระยะไม่ถึง 1 ใน 3 ของระยะแข่ง) กลุ่มเปโลตองที่ยังมีคนที่แข็งแกร่งพอจะเริ่มมีโอกาสตามกลุ่มนำได้ทัน ระหว่างนี้ขาแรงตัวโพเดี้ยมอาจจะยังไม่หงายไต๋อะไรเลยด้วยซ้ำ (หมกๆ ซ่อนๆ อยู่หลังเพื่อน) ส่วนขาแรงที่อยากลุ้นโพเดี้ยมบ้างก็มักจะเริ่มออกแรงไล่ตามกลุ่มนำและฉุดความเร็วกลุ่มขึ้นไปให้ทัน เมื่อคราวที่กลุ่มนำโดนรวบได้แล้วขาแรงตัวจริงทั้งหลายจะเสนอหน้าขึ้นมากันเป็นแถบๆๆ ระหว่างนี้ความเร็วกลุ่มจะสูงขึ้นมาก และจะเกิดการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าจากคนที่ยังมีแรงเหลือๆ โดดไปแล้วก็มีคนตามเชื่อม มีคนอื่นโดดไปข้างหน้าอีกแล้ว แต่ก็มีคนตามเชื่อมได้อีกแล้ว!!

กลุ่มเบรกอะเวย์เปโลตอง หรือ Chaser ที่พยายามไล่ตามกลุ่มนำการแข่งขั้น ตูร์เดอฟรอง 2016 สเตจที่ 12 แต่พวกเขาก็ไปได้ไม่ถึง (โดนรวบก่อน) รูปภาพจาก http://cyclingtips.com/2016/07/photo-gallery-2016-tour-de-france-stage-12/
แล้วก็เหมือนภาพฉายซ้ำเมื่อคราวจังหวะแรกที่กลุ่มนำหนีออกไป แต่ความเร็วตอนนี้มันมากกว่าตอนนั้น +10!! นักแข่งแต่ละคนก็แทบจะหอบลิ้นห้อยเพราะจัดเต็มกันแทบหมดไส้หมดพุง ในช่วงไม่ถึงสิบนาที ตอนนี้จะมีพวกขาแรงตัวโพเดี้ยมเจ้าประจำที่ยังแรงเหลือ พวกมันจะมาพร้อมท่อนขาอันทรงพลังที่ยังใช้งานไปไม่ถึง 70% ของความสามารถทั้งหมด ไม่นับหัวใจแสนฟิตที่รีคัฟเวอรี่มาเต็มที่อยู่หลังคนอื่น มันพุ่งกันไปแล้ว ขาแรงตัวจริงเท่านั้นที่จะเหลือแรงพุ่งออกไปแล้ว ส่วนเราในตอนนี้นะหรอก หมดแล้วจ้า หมดแล้วจริงๆ ถ้าตะคริวไม่มาหา ก็หัวใจจะระเบิด!!! เราจะกลายเป็นพวกลิ้นห้อยที่ถูกดูดกลับเข้าเปโลตอง ได้แค่มองตาละห้อยมองพวกนั้นที่ออกไปไฟ้ว์กัน ...
ทำตาปริบๆ ... สบตากันงงๆ กันไป .... “ลากฝูงมาแทบตาย เราจะพยายามไปเพื่อนพวกมันทำไม” ฮาาาาาาา (ไม่เป็นไรน้าาาา ไม่ได้โพเดี้ยม ก็ขอรูปสวยๆหน้าเส้นแทนนะ ได้เพื่อนเยอะแยะแทนน้าาา)
ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเพียงเพียงแต่หนึ่งในสถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ในการแข่งขันลักษณะจักรยานทางเรียบทางไกล ในหลาย ๆ ครั้งอาจจะพบว่ากลุ่มนำชิงหนีไปและหนีไปได้ขาดจนเปโลตองตามไม่ทัน (ก็ยกถ้วยให้เขาไปเถอะนะถ้าเขาแข็งแกร่งกว่าเราจริงๆ ขนาดนั้น) หรืออาจจะเป็นเกมที่ไม่มีใครหนีใครออกไปเลย ไม่มีอะไรให้ลุ้น ทุกคนไม่ชอบทำเกมก็จะกลายเป็นปั่นๆ ขบวนผ้าป่าแล้วค่อยไปสบตาก่อนสปริ้นท์กันกิโลเมตรสุดท้าย (แบบรุ่นผู้หญิงในไทยชอบปั่นกัน ส่วนใครแรงกว่าก็โดนบังคับจำยอมลากหมดไส้หมดพุง)
ขอสรุปดังนี้ว่า ที่เล่ามาจะเพื่อจะบอกว่าบางครั้งถึงเก่งที่สุดแรงที่สุดโหดที่สุดในสนาม ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชนะ หรือถึงจะวางแผนมาดีแค่ไหน เราอาจจะเดาอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แล้วขาอ่อนไม่ค่อยซ้อมแต่พร้อมลงแข่งแบบเรา ๆ นี้ล่ะ จะเตรียมตัวอย่างไรดี ขอแค่พอเอาตัวรอดให้เข้ากลุ่มนำ หรือติด 1 ใน 20 ของรุ่นได้ ก็พอใจแล้วจ้า.....
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ เขาบอกว่าต้องมีเทคนิค เก็บแรง อ่านคู่ต่อสู้ รู้ระยะช่องว่าง โจมตีเมื่อเหมาะสม อ่านทิศทางลม และรู้กำลังตัวเอง!!!
อย่าลืม!!! สมัครเป็นแฟนคอลัมภ์หมกมุ่นในยานของซินดี้ !!!
ด้วยการสั่งชุดกล้วยปั่น Cycling Obsession
ซินดี้จะได้มีกำลังใจหาอะไรสนุกๆ มาให้อ่านนะจ๊ะ

โอนแล้ว inbox มานะคะ แนบสลิปพร้อมชื่อที่อยุ่และไซสืเสื้อ เสื้อปั่น Aeroride ผ้านิ่มใส่สบายระบายอากาศได้ดี มีความลู่ลม
เนื้อหา แปล สรุป และเรียบเรียงจาก
http://www.cyclingweekly.co.uk/news...
http://cyclingtips.com/2012/04/gold...
http://cyclingtips.com/2012/04/gold...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น